top of page

McLaren

เรื่องราวของ McLaren เริ่มต้นจากนักแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ชาวนิวซีแลนด์ นามว่า "บรูซ แม็คลาเรน" ผู้หลงไหล่ และรักในความเร็วเป็นชีวิตจิตใจ ได้ก่อตั้งทีมแม็คลาเรน มอเตอร์ เรซซิ่ง ในปี 1963 โดยบรูซ เป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยได้แชมป์โลกในฐานะนักแข่ง 8 ครั้ง และในฐานะทีมแข่งทั้งหมด 12 ครั้ง

The-Rake-Bruce-McLaren - therake.jpg

ในปี 1968 ทีมประสบความสำเร็จ ได้แชมป์แรกจากรายการ เบลเยี่ยม กรังด์ปรีซ์ แต่ความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือ ชัยชนะจากรายการ Cam-Am (The Canadian-American Challenge Cup) ในช่วงปี 1967-1971 แต่โชคไม่ดีที่บรูซไม่ได้เห็นความสำเร็จของทีมในปี 1971 เนื่องจากเขาได้เสียชีวิตอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุการทดสอบรถ ในปี 1970 และจากความสำเร็จต่อเนื่องในปี 1974 ทำให้ทีมแม็คลาเรนได้สปอนเซอร์รายใหญ่ เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน

จากตำนานทีมแม็คลาเรนสู่ McLaren F1

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของทีม McLaren เกิดขึ้นในปี 1981 โดยนักธุรกิจชาวอังกฤษชื่อ "โรนัลด์ เดนนิส" เข้ามาคุมทีม และซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด ในช่วงแรก McLaren ใช้เครื่องยนต์จากปอร์เช่ และฮอนด้า ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของรถและได้นักขับมือฉมังในตำนานอย่าง ไอร์ตัน เซนน่า (Aryton Senna) และอแล็ง พรอสต์ (Alain Prost) เข้าร่วมทีม ทำให้พวกเขาพลาดแชมป์เพียงแค่รายการเดียวจากทุกรายการที่ลงแข่งในปี 1988 แต่พอเข้ากลางปี 1990 ทีมก็ประสบปัญหา เนื่องจากฮอนด้าขอถอนตัวออกจากฟอร์มูล่าวัน

จนกระทั่งปี 1988 McLaren จึงตัดสินใจจะผลิตรถสปอร์ต ภายใต้ความตั้งใจที่จะ "สร้างรถสปอร์ตที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา" จนกำเนิดออกมาเป็น McLaren F1 ในปี 1993 ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 3 ที่นั่ง โดยที่นั่งคนขับจะอยู่ตรงกลาง อารมณ์เหมือนขับรถฟอร์มูล่าวัน ซึ่งมีสายการผลิต ตั้งแต่ปี 1993 – 1998 มีจำนวนการผลิตเพียง 106 คันทั่วโลกเท่านั้น และถูกบันทึกสถิติเป็นรถที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ในวันที่ 31 มีนาคม ปี 1998 ด้วยความเร็ว 386.4 กม. / ชม. และต่อมาในปี 2003 ตัวถังของรถ McLaren F1 หมายเลข 006 ได้ถูกประมูลในงานที่เพบเบิลบีช และจบประมูลที่ราคา 8.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 254 ล้านบาท

mclaren-mp4-12c-par-mulgari-automotive (1).jpg

ต่อมาหลังจากปี 1998 ที่ทาง McLaren ได้หยุดการผลิต McLaren F1 ไป ทาง McLaren ได้หายหน้าหายตาไปจากวงการรถสปอร์ตมากถึง 11 ปี จนปี 2009 ทาง McLaren ก็ได้ทำการปล่อย McLaren MP4-12C ออกมา ถูกออกแบบโดย Frank Stephenson นักออกแบบรถยนต์ชาวอเมริกัน ซึ่งตัวรถโดดเด่นด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และนำเทคโนโลยีจากฟอร์มูลาวันมาปรับใช้ อย่าง Brake Steer ที่ทำให้ล้อหลังเบรก ในขณะทำความเร็วช่วงเข้าโค้งเพื่อลดการเลี้ยวช้าของพวงมาลัย

ทั้งนี้ MP4-12C เป็นชื่อมาจาก McLaren Project 4 ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตของ McLaren และ C หมายถึง คาร์บอน ซึ่งต้องการเน้นถึงอนาคตที่ McLaren จะใช้วัสดุตัวถังเป็นคาร์บอน ไฟเบอร์ในวงการมอเตอร์สปอร์ตต่อไป ต่อมาในปี 2012, MP4-12C ออกโฉมใหม่ออกมาเป็นโฉมเปิดประทุนที่ชื่อว่า MP4-12C Spider

Large-2803-McLaren-P1TRADE-GTR.jpg

ที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ปี 2012 McLaren ได้เปิดตัว McLaren P1 รถซูเปอร์คาร์ เทคโนโลยี Plug-in Hybrid โดย P1 เป็นรถที่สานต่อความสำเร็จจาก McLaren F1 โดยได้นำเทคโนโลยีไฮบริด มาร่วมกับเทคโนโลยีรถฟอร์มูลาวัน วัสดุโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ Monocage ซึ่งพัฒนาต่อมาจาก Monocell ที่ใช้ใน MP4-12C Spider โดดเด่นด้วยดีไซน์ไฟหน้าที่ออกแบบตามสัญลักษณ์ของ McLaren

McLaren P1 ถูกวางจำหน่ายในปี 2013 ทั้งหมด 375 คัน และมีเวอร์ชั่นใช้ในสนามแข่ง ในชื่อรุ่น P1 GTR ในปี 2015 ซึ่งผลิตจำนวนจำกัดเพียง 35 คัน โดย McLaren กำหนดให้สามารถครอบครองเป็นเจ้าของ P1 ได้เพียงคนละ 1 คันเท่านั้น ทำให้ McLaren P1 ถือเป็นรถที่มีราคาสูงที่สุดของ McLaren ในปัจจุบันนี้

McLaren-720s-Review-gear-patrol-slide-1-1940x1300.jpg

2017 – 2018 | McLaren 720S, McLaren 600LT
McLaren 720S เผยโฉมในปี 2017 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ โดยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวรถได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของฉลาม จุดเด่นที่ช่วงล่างด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ พร้อมกับอัตราเร่งที่ทรงพลัง 0-100 ในช่วงเวลาที่ต่ำกว่า 3 วินาที ต่อมาในปี 2018 รถ Mclaren 600LT ก็ถูกเผยโฉมออกมา 600LT มีห้องโดยสารแบบ Alcantara® เน้นใช้สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ และถือเป็นรุ่นล่าสุดของ McLaren ที่เปิดตัวออกมาในขณะนี้

ปัจจุบันบริษัทที่อยู่เบื้องหลังแม็คลาเรน คือ แม็คลาเรน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนมีฐานะเป็นไพรเวท คอมปานี ที่ไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต่างจากรถซูเปอร์คาร์แบรนด์อื่น ในปี 2017 บริษัทมีรายได้คิดเป็นเงินไทยประมาณ 37,000 ล้านบาท

bottom of page