Suzuki
ย้อนกลับไปในปี 1909 มิชิโอ ซูซูกิได้ก่อตั้งบริษัท Suzuki Loom Company ขึ้นในเมืองฮามามัตซึ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อรับหน้าที่ผลิตเครื่องทอผ้า พร้อมกับมีการพัฒนาเครื่องทอผ้าให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าในยุคนั้นซึ่งต้องการเครื่องจักรที่สามารถผลิตเสื้อผ้าที่มีลายในแนวนอนและแนวตั้งได้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานอย่างแท้จริง
Suzuki Power Free
เรื่องของเรื่องคือในช่วงก่อนสงคราม โลกครั้งที่ 2 ซูซูกิมีไอเดียที่จะผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ออกขายในตลาดญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ทว่ากลับมาเกิดสงครามขึ้นก่อน และทำให้รัฐบาลประกาศว่า ‘การผลิตรถยนต์ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรสำหรับช่วงนี้’ ทำให้ซูซูกิต้องหันกลับไปสู่ธุรกิจการผลิตเครื่องทอผ้าเหมือนเดิม
Suzulight
ออกมาในปี 1955 กับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 360 ซีซี และถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ และพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พิเนียน และในเมื่อต้องการเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเต็มตัว ซูซูกิก็เลยแยกมาก่อตั้งบริษัทใหม่อย่าง Suzuki Loom Manufacturing Co. ในปี 1961 เพื่อดูแลธุรกิจด้านการผลิตเครื่องทอผ้าเพียงอย่างเดียว ก่อนที่ในปีต่อมา จะประสบความสำเร็จในด้านมอเตอร์สปอร์ต เมื่อชนะเลิศการแข่งขันมอเตอร์ไซค์รุ่น 50 ซีซีที่ Isle of Man TT
นอกจากนั้น ซูซูกิยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อในตลาดรถยนต์ซิตี้คาร์ของญี่ปุ่น หรือ Keicar อีกด้วย โดยในปี 2003 พวกเขาครองตำแหน่งบริษัทที่มียอดขายรถยนต์ประเภทนี้ต่อปีสูงสุดในญี่ปุ่นเป็นปีที่ 30 ติดต่อกัน และเปิดตัวรุ่นทวิน ซึ่งเป็น Kei car ที่ใช้ระบบไฮบริดรุ่นแรกของตลาดประเภทนี้ออกมาขายอีกด้วย
ความจริงแล้วการขยายตัวในเชิงตัวเลขของธุรกิจรถยนต์ของซูซูกิมีจุดเริ่มต้นขึ้นนับจากการส่งออกรุ่นฟรอนเต้ไปยังตลาดต่างๆ ในปี 1968 และนั่นทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ของซูซูกิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาเพียง 21 ปีในการเพิ่มตัวเลขการผลิตจาก 4.5 ล้านคันมาเป็น 10 ล้านคันในปี 1989
ในปัจจุบัน ซูซูกิเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายต่อปีอยู่ในอันดับที 9 ของโลก และนับจากปี 2006 เป็นต้นมา จีเอ็มได้เทขายหุ้นจำนวน 92.36 ล้านหุ้นออกมา เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นในซูซูกิให้เหลือเพียง 3% เท่านั้น นับเป็นการเติบโตที่มั่นคงทั้งในตลาดยานยนต์อย่างแท้จริง